Banner_Investment
You are here:Home/นักลงทุนสัมพันธ์/การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG)/การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG)

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Bio-Circular-Green Economy - BCG )

เศรษฐกิจหมุนเวียน(Circular Economy), เศรษฐกิจสีเขียว(Green Economy) และเศรษฐกิจชีวภาพ(Bio Economy )

 

            กลุ่มบริษัททีพีไอโพลีน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ทรัพยากร ภายใต้การเติบโตของประชากรโลก ขณะที่แหล่งทรัพยากรมีจำกัด และการใช้ทรัพยากรที่ไม่มีประสิทธิภาพที่จะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา นอกเหนือจากการสิ้นเปลืองทรัพยากร  ยังรวมถึงการใช้พลังงาน การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน การก่อให้เกิดขยะจากการบริโภค และเป็นภาระให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งรวมถึงผลกระทบจากขยะในทะเล

เรากำลังใช้ทรัพยากรธรรมชาติของรุ่นลูกหลาน ”  ประโยคดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกลับมาตระหนักถึง การใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการใช้วัตถุดิบ พลังงาน การลดปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ปัญหาขยะล้นโลก อันเป็นผลทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน กลุ่มบริษัท ทีพีไอโพลีน จึงได้มุ่งมั่นในการเข้ามามีบทบาทแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้กับโลกของเรา ภายใต้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน ( Circular Economy) โดยดำเนินการให้ครบทุกขั้นตอนตั้งแต่การวางแผนวิจัยพัฒนา กระบวนการผลิต และผลิตภัณฑ์ที่ไปยังผู้บริโภค เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ การใช้พลังงานเชื้อเพลิงหมุนเวียน การจัดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของที่เหลือจากกระบวนการผลิต และการจัดการของเสียเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ทรัพยากรและความยั่งยืน ในห่วงโซ่อุปทาน กับภาคธุรกิจ สังคม ชุมชน

                กลุ่มบริษัททีพีไอโพลีนได้กำหนดทิศทางการดำเนินการของกลุ่มบริษัททั้งหมดโดยตั้งเป้ามุ่งเข้าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยการดำเนินการตามทางเศรษฐกิจหมุนเวียน ( Circular Economy ) เพื่อใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการหมุนเวียนทรัพยากรหรือการนำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การดำเนินด้านเศรษฐกิจสีเขียว ( Green Economy) โดยการมีเป้าหมายเพื่อการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งในการใช้ทรัพยากร การผลิตผลิตภัณฑ์ ตลอดจนซากของผลิตภัณฑ์ ไปสู่การผลิตแบบคาร์บอนต่ำ ( Low carbon production) โดยมีเป้าหมายเบื้องต้นคือการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก อันเป็นสาเหตุของปัญหาโลกร้อน โดยการใช้พลังงานทดแทน เข้ามาในระบบการผลิต นอกจากนี้กลุ่มบริษัททีพีไอโพลีนยังมุ่งที่จะพัฒนาการผลิตและผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท โดยการนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ในการเพิ่มคุณค่า หรือประยุกต์ใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสนับสนุนภาคเกษตรกรรมของประเทศ เพื่อให้เกิดเป็นเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy )

 

                การเชื่อมโยงของการดำเนินการทั้งสามส่วน  เศรษฐกิจหมุนเวียน ( Circular Economy ) ด้านเศรษฐกิจสีเขียว ( Green Economy) และเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy )  ร่วมกันคือ การดำเนินการเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เรียกว่า Bio-Circular-Green Economy  ( BCG )  ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนกลุ่มบริษัท ทีพีไอโพลีน ให้เติบโต ด้วยนวัตกรรม ที่แข่งขันได้ในระดับโลก และทำให้เกิดการกระจายรายได้ สู่ชุมชน ด้วยการรักษาสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป

 

 

                กลุ่มบริษัททีพีไอโพลีนได้ดำเนินการในทุกๆขั้นตอนตั้งแต่การวิจัยพัฒนา การจัดหาทรัพยากร วัตถุดิบในการผลิตและพลังงานโดยการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า หมุนเวียนกลับมาใช้ให้มากที่สุด การผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงทั้งการใช้ทรัพยากรและการรักษาสิ่งแวดล้อม การผลิต และผลิตภัณฑ์สีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างโลกสีเขียว โดยครอบคลุมไปถึงการขาย การขนส่ง และ การบริการ โดยกลุ่มบริษัททีพีไอโพลีนได้ดำเนินการโดยสังเขป ดังนี้

 

 

  1. การวิจัยและพัฒนาสีเขียว ( Green Research and Development )
  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้วัตถุดิบทดแทน (Alternative Raw material )
  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้วัตถุจากที่เหลือทิ้ง (Recycle Raw material )
  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง เพื่อลดปริมาณการใช้ของผู้บริโภค
  • การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้พลังงานในการผลิตที่ลดลง
  • การผลิตสินค้าเพื่อนำมาใช้ทดแทนการตกแต่งเพื่อความสวยงามแทนการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
  • การสร้างนวัตกรรม (Innovation) ของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ตอบสนองต่อการใช้งานและเป็นผลิตภัณฑ์สีเขียว

 

  1. การจัดหาทรัพยากร วัตถุดิบในการผลิต และ พลังงาน ( Raw materials and Energy Resource)
  • การใช้แหล่งวัตถุดิบที่มีผลกระทบต่อแหล่งทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด เช่น
  • โดยเลือกวัตถุดิบจากผู้ประกอบการที่มีการใช้วัตถุ recycle เช่นกระดาษที่ใช้ผลิตถุงปูนซิเมนต์ อะไหล่ที่มีการนำเนื้อเหล็กจากชิ้นส่วนเดิมไปหล่อใหม่ เป็นต้น
  • การทำบ่อกักเก็บน้ำฝน เพื่อใช้แทนการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ
  • การใช้วัตถุดิบที่ได้ทุกส่วนมาอย่างคุ้มค่า การใช้ซ้ำ การนำส่วนที่เหลือมาใช้ (Reuse , Recycle) เช่น
  • หินปูนจากเหมืองหินจะมีการนำส่วนที่เหลือ หรือมีคุณภาพต่ำจากการทำปูนซิเมนต์ มาผลิตหินก่อสร้าง ทราย ดินก่อสร้าง และวัตถุดิบในการทำปูนมอร์ต้า เป็นต้น โดยใช้หินปูนทุกส่วนโดยไม่มีทิ้ง
  • การ recycle น้ำทิ้งจาก หอระบายความร้อน เพื่อทำการปรับปรุงคุณภาพเพื่อให้นำมาใช้ใหม่แทนการปล่อยทิ้ง
  • การนำน้ำมันเครื่อง น้ำมันหล่อลื่นที่ใช้แล้วมาใช้ในการเป็นเชื้อเพลิง

 

 

  • การใช้วัตถุดิบทดแทนที่มาจากของเสีย ของเหลือจาก การผลิต ( Waste Recycle) เช่น
  • การใช้เถ้าหนัก ( Bottom Ash) จากโรงไฟฟ้า เป็นวัตถุดิบทดแทน วัตถุดิบในการผลิตปูนซิเมนต์
  • การใช้เถ้าเบา (Fly ash) จากโรงไฟฟ้า เป็นวัตถุดิบทดแทนในปูนซิเมนต์
  • การ recycle bottom ash ในโรงไฟฟ้า เพื่อใช้แทนทรายในการเติมระดับ Bed
  • การใช้วัตถุดิบที่เป็นวัตถุดิบทดแทน (Renewable Alternative Raw material)
  • การใช้หินปูนที่เหลือจากโรงงานหินก่อสร้างแทนการใช้ทรายแม่น้ำในโรงไฟฟ้า
  • การใช้ฝุ่นหินปูนในการทดแทนการใช้ปูนเม็ดในการผลิตปูนซิเมนต์
  • การใช้น้ำจากขยะในโรงงานผลิตเชื้อเพลิง RDF ในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์
  • การใช้เชื้อเพลิงทดแทน (Renewable Fuels)
  • การนำขยะชุมชนมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงทดแทน RDF สำหรับโรงไฟฟ้าและโรงงานปูนซิเมนต์
  • การนำน้ำมันหล่อลื่น ยางรถยนต์ หรือ เศษวัสดุ ที่เกิดในจากกระบวนการในโรงงานที่ให้ความร้อนนำมาเป็นเชื้อเพลิง
  • การใช้พลังงานทดแทน ( Renewable Energy)
  • การผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน หรือ โรงไฟฟ้า RDF
  • การผลิตน้ำมันจากยางรถยนต์ จากโรงงาน Pyrolysis
  • การใช้พลังงานความร้อนทิ้งกลับมาใช้งาน ( Heat Recovery )
  • นำความร้อนทิ้งจากกระบวนผลิตมาใช้ซ้ำในการอุ่นวัตถุดิบ ใน หม้อบดวัตถุดิบ และ หม้อบดถ่านหิน
  • นำความร้อนทิ้งจากกระบวนการผลิตในการผลิตไอน้ำเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าและการผลิตอิฐมวลเบา
  1. การผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงและผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่ำ(High Efficiency and Low emission Process )
  • การใช้กระบวนการผลิตและเครื่องจักรการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง
  • การใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานสูง เช่น invertor
  • การปรับเปลี่ยนเครื่องจักร clinker cooler ในการผลิตปูนเม็ดเพื่อลดการใช้พลังงาน
  • การออกแบบปล่องโรงงานด้วยการใช้ Vertex design เพื่อลดการใช้พลังงาน
  • การใช้สายพานขนหินลงจากเหมือง และสามารถผลิตไฟฟ้าป้อนกลับ แทนการใช้รถบรรทุก
  • การใช้ Mobile Crusher เพื่อลดการขนส่งหิน
  • การดำเนินการโครงการอนุรักษ์พลังงานต่างๆ
  • การใช้ระบบควบคุมการผลิตที่เป็นระบบ Process Automation เพื่อความแม่นยำในกระบวนการผลิต
  • ใช้ระบบ Process Automation ในการควบคุมการผลิตจากห้องควบคุมกลาง
  • มีโปรแกรมการควบคุมระบบการเผาไหม้ การลดการใช้เชื้อเพลิง พลังงานไฟฟ้าและให้ได้ปูนเม็ดคุณภาพสูง
  • การนำ IOT และ Data technology เพื่อใช้ในการจัดการข้อมูลการผลิต และการประมวลผลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
  • การควบคุมและการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการผลิต
  • ติดตั้งระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ปล่อยจากปล่องโรงงาน แบบการวัดต่อเนื่อง (Continuous Emission Monitoring ;CEM)
  • การติดตั้งเครื่องดักฝุ่นแบบถุงกรอง และ แบบไฟฟ้าสถิต
  • การติดตั้งเครื่องล้างล้อรถบรรทุกในการขนส่งต่างๆในโรงงาน รวมถึงของลูกค้า
  • การทำหลังคาคลุม ในการจัดเก็บวัตถุดิบ และถ่านหิน เพื่อควบคุมการฟุ้งกระจาย
  • การใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ หรือ หุ่นยนต์ ในการผลิต
  • การใช้เครื่องจักรอัตโนมัติในการจัดเก็บตัวอย่างวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งวิเคราะห์คุณภาพ เพื่อควบคุมการผลิต
  • การใช้หุ่นยนต์ในการทำงาน เช่นการบรรจุหีบห่อผลิตภัณฑ์
  • การใช้หุ่นยนต์ในการเชื่อม และการซ่อมบำรุง

 

  1. ผลิตภัณฑ์สีเขียว ( Green Products )
  • ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานต่างๆ จากทั้งในประเทศและนานาชาติ
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง สามารถลดปริมาณการใช้เพื่อคงคุณภาพงาน
  • ผลิตภัณฑ์ ที่สะดวกต่อการขนส่ง จัดเก็บ และใช้งาน
  • ผลิตภัณฑ์ ที่ไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
  • ผลิตภัณฑ์ที่สามารถประหยัดพลังงานในการใช้งานจริง
  • ผลิตภัณฑ์ที่สามารถกำจัดซากได้ ไม่มีสารอันตรายปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์

 

  1. การขาย การขนส่ง และ การบริการ
  • การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ในการขนส่งสินค้า
  • การใช้ระบบ Process Automation ในการขนถ่ายสินค้า
  • การส่งเสริมการขนส่งที่มีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
  • การใช้ Digital Platform ในการขาย การจัดส่งสินค้า
  • การให้บริการลูกค้าในการใช้งานผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
  • การนำผลิตภัณฑ์เหลือใช้จากการบริโภคมาใช้ประโยชน์หมุนเวียน